องค์ประกอบหลักของการทำ SEO และเครื่องมือที่ใช้


องค์ประกอบหลักของการทำ SEO และเครื่องมือที่ใช้
ในการทำ SEO นั้น เมื่อเราได้ทำการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนแล้ว เราจำเป็นต้องเลือกใช้องค์ประกอบที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการทำ SEO ของเรา โดยทำการปรับแต่ง องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องให้สามารถรองรับและสอดคล้องกับการทำ SEO ของเรา การทำ SEO จะไม่มีทางที่จะสัมฤทธิ์ผลได้ถ้าตราบใดไม่ทำเวบไซต์ของท่านให้มีความเหมาะสม กับการทำ SEO
 


องค์ประกอบหลักของการทำ SEO และเครื่องมือที่ใช้
1.    Content – องค์ประกอบด้านเนื้อหาของเวบไซต์มีความสำคัญมากที่สุดในการทำ SEO ดังที่ บิลล์ เกตต์ ได้กล่าวไว้ว่า “Content is the King” เวบไซต์ที่ดีจะต้องมีการจัดทำเนื้อหาต่างๆ อย่างมืออาชีพเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี และความน่าเชื่อถือ ทันสมัย ของเนื้อหาต่างๆ นอกจากนั้นแล้วยังต้องมีรูปแบบและวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจ และใช้งาน หรือเรียกดูได้ง่าย มีวิธีการติดต่อกับผู้เข้าชมหรือใช้งานเวบไซต์ได้สะดวกเครื่องมือที่ใช้ในการจัดทำเนื้อหา

 
o    Images and Media
o    Widgets and Tools
o    Resources List
o    Testimonials
o    Translations
o    Comments
o    RSS Feeds
o    Articles
o    Blogs
o    Titles
 



2.    Links – การสร้าง Links กลับมายังเว็บไซต์ของท่านนั้น เป็นเสมือนประตูเส้นทางลัดมายังเวบไซต์ของท่าน ยิ่งมีมากเพียงใดก็ยิ่งจะเป็นช่องทางให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาสู่เวบไซต์ของท่านได้มากเท่านั้น ทันทีที่ link ของท่านไปปรากฎที่เวบไซต์ใดๆ Search Engine ก็จะทำการติดตามมายังเวบไซต์ของ link นั้นๆ เว้นเสียแต่ว่าท่านจะใช้คำสั่ง “No follow” กำกับไว้ Search Engine จึงจะไม่ส่ง Robot ของมันออกมาติดตาม การค้นหาของ Search Engine นั้น เมื่อคนหาที่เวบไซต์หลักที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งที่ค้นหาแล้ว ก็จะทำการค้นหาในเวบไซต์ที่มี Link จากเวบไซต์หลัก Link Popularity จึงเป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งของการทำ SEOเครื่องมือที่ใช้ในการสร้าง Links
 
o    Directory Submissions
o    Partners/Suppliers
o    Reciprocal Links
o    Press Releases
o    Memberships
o    Social Media
o    Advertising
o    Comments
o    Contests
o    News
3.    Site Architecture – สถาปัตยกรรมของเวบไซต์เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับการทำ SEO แต่อาจจะยากเกินไปสักหน่อยสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ศึกษามาทางด้านวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมคอมพิวเตอร์มาเป็นการเฉพาะ แต่กระนั้น การที่จะหาโอกาสในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมทีละเล็กละน้อย ค่อยๆ ทำความเข้าใจก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่ยากจนเกินไปนักสำหรับผู้ที่มีใจรักในงานด้านนี้เพราะไม่ใช่การศึกษาเต็มรูปแบบ แต่เป็นการศึกษาเพื่อให้เกิดความเข้าใจในพื้นฐานและหลักการทำงานทางด้านสถาปัตยกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องเครื่องมือทางด้านสถาปัตยกรรมเวบไซต์ 

o    Hosting
o    DNS
o    Geolocation
o    Domain
o    URL Structure
o    Design
o    Web Standards
o    Usability
o    Analytics
 
เมื่อท่านได้ศึกษามาถึงตรงนี้แล้วคงจะพอเข้าใจได้ว่าการทำ SEO นั้น ไม่ใช่แค่การมี Raking ดีๆ จาก Keywords ใน Google Search เพียงเท่านั้น หลายองค์กรหมดงบประมาณไปกับเรื่องนี้ปีละไม่น้อยโดยหาได้ใส่ใจในองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อจะให้การทำ SEO ส่งผลที่ยั่งยืนยาวนาน การเสียงบประมาณไปกับ Keywords ต่างๆ นั้นเป็นเพียงงานแบบฉาบฉวยที่เมื่อไหร่เลิกจ่ายเงินเวบไซต์ของท่านก็จะไร้อันดับไปในทันใด และบุคคลที่รับจ้างทำ SEO ให้ ก็ไม่เคยมีใครออกมาบอกหลักการ วิธีการ ที่แท้จริง เพราะถ้าเขาทำเช่นนั้น ก็เท่ากับเขาตัดหนทางทำมาหากินของเขาไปในทันที
การทำ SEO ให้ได้ผลที่ยั่งยืนนั้น ทุกท่านสามารถทำด้วยตนเองได้ แต่ต้องใช้ความรู้ ทักษะ ความอดทน และพากเพียร ไม่ไช่ว่ามีเงิน ก็เอาแต่จ้างเขาทำอยู่ร่ำไป ผมเองนั้นโลดแล่นอยู่ในวงการนี้ได้ ไม่เคยเสียเงินแม้แต่บาทเดียวในการจ้างเขาทำ SEO

ทางลัดการทำ SEO ด้วย Adword


 Adwords การโปรโมทเว็บไซต์  เห็นผลไว ทำได้จริง

 
Google adwords คืออะไร

 Adwords หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า Google adwords เป็น 1 ใน บริการของ Google เป็น

บริการในการลงโฆษณาเพื่อติดหน้าแรกในเว็บไซต์ของ Google  
ตำแหน่งของโฆษณาจะอยู่ตำแหน่งด้านบนสุดหรือไม่ก็ตำแหน่งด้านขวาและเขียนไว้ว่าโฆษณา

ประโยชน์ของ Google adwords



1. การโปรโมทเว็บไซต์ที่ทำได้รวดเร็ว เห็นผลได้จริง ติดหน้าแรกๆ Google ในเวลาอันสั้น
2. ประหยัดจ่ายใช้จ่ายในการทำการตลาดมากกว่าช่องทางอื่นๆ
3. โฆษณาได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ
4. ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงธุรกิจเราได้อย่างรวดเร็วเป็นการเพิ่มโอกาสทางการขาย
5. ขยายฐานตลาดให้ครอบคลุมได้ทั่วโลก


สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนการทำ  Adwords1. URL เว็บไซต์ (www.ชื่อเว็บไซต์.com)
2. คำค้นหาหรือคีย์เวิร์ด

ตัวอย่างการเตรียมตัวเว็บไซต์ www.ขายของออนไลน์.com
1. ร้านค้าออนไลน์+
2. ลงประกาศฟรี
3. โฆษณาฟรี
4. ทำเว็บฟรี
5. เว็บขายของ
6. ขายสินค้ามือสอง
7. สร้างเว็บ

SEO คืออะไร สำคัญไฉน ทำไมต้องรู้จัก


SEO คืออะไร
หลายท่านคงเคยได้ยินคำว่า SEO กันไปบ้างแล้วแต่หากยังไม่ทราบว่า SEO คืออะไร
วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ SEO กัน

SEO คือ
SEO หรือ ชื่อเต็ม คือ Search Engine Optimization หมายถึง การปรับปรุงเว็บไซต์ด้วยวิธีการใดๆ เริ่มตั้งแต่การออกแบบเว็บไซต์ เนื้อหาเว็บไซต์ ไปจนถึงระบบโปรแกรมของเว็บไซต์ และวิธีการโปรโมทเว็บไซต์
เพื่อให้ติดอันดับ Search Engine (เว็บที่ใช้ค้นหาเว็บไซต์อื่นๆ เช่น Google, Bing, Yahoo, Baidu เป็นต้น)

  
SEO สำคัญอย่างไร
เนื่องจากในปัจจุบันมีเว็บไซต์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมหาศาล การที่คนเราจะรู้จักเว็บไซต์ทุกเว็บคงเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นการจะค้นหาเว็บไซต์มาใช้งานให้ตรงตามความต้องการจึงอาศัยเว็บ Search Engine และพิม Keyword (คำค้น) เพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการ ผลการค้นหาจะแสดงเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ออกมาหลายเว็บไซตืเพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกเปรียบเทียบให้ต้องกับความต้องการ มากที่สุดการแสดงผลเว็บไซต์ที่ออกมามักจะมีหลายเว็บไซต์และหลายหน้า อันดับเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานนิยมเข้าไปเยี่ยมชมนั้นก็คืออันดับเว็บไซต์แรกๆ ซึ่งหมายถึงจำนวนผู้เข้าชมที่มาก และตามมาด้วยประโยชน์มากมาย เช่น ขายสินค้าหรือบริการ ขายโฆษณา โปรโมทเว็บไซต์ สินค้า หรือบริการ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เองจึงได้เกิด SEO ขึ้นมา เพื่อเป็นการปรับปรุงเว็บไซต์ของตนเองให้ติดอันดับในอันดับ ต้นๆ ของ Search Engine
หลักการ SEO ทั่วไป
1. การเลือกโดเมนเนม เริ่มตั้งแต่เลือกชื่อเว็บไซต์ ควรให้มีความเกี่ยวเนื่องกับสินค้าหรือบริการของเว็บไซต์
เช่น marketing online.com เนื้อหาหรือบริการของเว็บไซต์ เกี่ยวกับ การตลาดออนไลน์กับธุรกิจออนไลน์ วิธีการทำ seo และอื่นๆที่เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ เป็นต้น

2. การออกแบบเว็บไซต์ ควรวางรูปแบบให้เหมาะสม สวยงาม ไม่มีเนื้อหามากจนทำให้ดูรก หาเมนูยาก หรือเนื้อหาน้อยมีแต่รูปภาพนอกจากจะไม่เป็นประโยชน์ในเรื่อง SEo แล้ว ยังทำให้หน้าเว็บไซต์โหลดเปิดนานกว่าปกติอีกด้วย
ควรวางรูปแบบให้อ่านง่าย เข้าถึงเมนูได้สะดวก ใช้โทนสีให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์หรือบริการและกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์เช่น กลุ่มวัยรุ่น สินค้าแฟชั่น ควรเลือกใช้สีและการประดับตกแต่งให้ดูสดใสน่ารัก เว็บไซต์อาหาร ควรเลือกสีเว็บไซต์โทนสีส้มเพื่อให้อาหารดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น เป็นต้น

3. เนื้อหาและการอัพเดท เนื้อหาภายในเว็บไซต์ ควรมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกับสินค้าและบริการของเว็บไซต์ ควรแบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ส่วนหลัก ส่วนที่ 1 เนื้อหาแนะนำสินค้าและบริการของเว็บไซต์ ควรมีรายละเอียดเนื้อหาที่ชัดเจน ครบถ้วน จะทำให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น ส่วนที่ 2 เนื้อหาข่าวสาร บทความ ควรเป็นเนื้อหาที่ให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของเว็บไซต์ แนะนำให้ทำการเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะมีโอกาสในการ ติด SEO ได้ดีกว่า บทความที่ copy ต่อๆ มา การอัพเดทเนื้อหาควรมีรูปภาพประกอบเนื้อหาเพื่อความน่าสนใจของเนื้อหาให้น่า อ่านยิ่งขึ้น และมีการอัพเดทเนื้อหาในเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

4. แลกลิงค์เพื่อนบ้าน แลกเปลี่ยนแบนเนอร์หรือ text link ระหว่างเว็บไซต์ของเรากับเว็บของผู้อื่นที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน เพื่อช่วยเผยแพร่เว็บไซต์ของเราได้อีกทางหนึ่ง
เป็นการแลกเปลี่ยนทราฟฟิกซึ่งกันและกัน

ทั้งหมดนี้เป็นการแนะนำให้รู้จักกับ SEO ในเบื้องต้น สำหรับมือใหม่ที่เริ่มเข้าสู่โลกออนไลน์ ให้รู้จักกับ SEO เพื่อที่จะได้ศึกษากันต่อไป หรือสามารถติดตามอ่านบทความดีๆ ได้ที่บล็อก 
onlinetomarketing แห่งนี้นะครับ

Title tags กับการทำ Search Engine Optimization (SEO)


Title tags นั้นตามปรกติจะใช้บอกชื่อหน้าของเว็บเพจ ซึ่งจะแสดงผลอยู่ด้านบนสุดของ web browser เป็นส่วนที่ถือว่าสำคัญมากในการทำ SEO เพราะผลลัพธ์ในการค้นหาที่ได้นั้นจะแสดงผลเนื้อหาที่อยู่ใน Title tags ก่อน 
Title optimize SEOหากเราสังเกตจะพบว่า 1 ใน 10 หรืออันดับต้นๆที่เป็นผลลัพธ์จากการค้นของของ Search Engine นั้นไม่มีผลลัพธ์ใดเลยที่ไม่มีคำที่ค้นหา (Keyword) อยู่ใน Title tags แน่นอนว่า keyword ที่อยู่ในเนื้อหา หรือ body tags นั้นก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน แต่มันจะดีกว่าหากเราให้ความสำคัญตั้งแต่ชื่อของเว็บเพจ โดยพิจราณา หัวข้อดังต่อไปนี้ก่อนการตั้งชื่อให้กับเว็บเพจ 
  • Keyword สำคัญที่ต้องการให้ค้นหาเจอ หรือ keyword ที่เป็นตัวแทนของเว็บเพจนั้น จะต้องอยู่ใน Title tag
  • ความยาวไม่ควรเกิน 60 ตัวอักษร หรือประมาณ 7 ถึง 10 คำ
  • ควรทำให้ผู้ใช้งานสามารถอ่านได้ง่าย
  • ไม่ควรใส่ชื่อหน้า เช่น หน้าแรก , ติดต่อเรา หรือ สินค้าของเรา เพราะไม่สื่อถึงความหมาย และผู้ใช้งานก็ไม่ได้ใช้คำพวกนี้ในการค้นหา
  • พยายามให้ keyword ที่ต้องการนั้นอยู่ชิดกัน เช่น ขายรถยนต์ Toyota ปี 1990 ไม่ควรใช้เป็น ขายรถยนต์ ปี 1990 ยี่ห้อ Toyota เพราะให้หัวข้อนี้เราต้องการเน้น keyword 2 ตัวคือ รถยนต์ และ Toyota
  • ควรให้ Keyword อยู่เป็นคำแรกใน Title tags
  • ไม่ควรใช้ Keyword ใน Title tags ซ้ำกัน เพราะจะทำให้คำนั้นกลายเป็นขยะไป
  • ลำดับของ Keyword ก็มีความสำคัญ เช่น Toyota Yaris ย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า Yaris Totota เพราะด้วยความคุ้นเคยที่เรามักจะค้นหาด้วยยี่ห้อของรถก่อน จากนั้นจึงใส่ชื่อรุ่น หรืออาจเป็นเพราะการโฆษณาที่ทำให้เราเคยชินกับชื่อ Totota Yaris

สุดท้ายนี้ Keyword อาจสำคัญสำหรับการทำ SEO ก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญมากสำหรับการทำเว็บไซต์คือ เราทำให้คนอ่านไม่ใช่ให้คอมพิวเตอร์อ่าน ทางทีมงานจึงขอแนะนำว่าควรใช้คำที่มีความหมาย และสื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายที่สุด จึงจะมีประโยชน์มากที่สุด




sEo คือ อะไร???


การทำ SEO คืออะไร

SEO หรือ Search engine optimization คือกระบวนการที่พยายามเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพ เข้าสู่เว็บไซต์ (ของคุณ) จาก Search Enigne ต่างๆ ด้วยวิธีการต่างๆ เพราะโดยปกติแล้วเว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่ใน Search Engine ในลำดับแรกๆ มักจะถูกคลิกบ่อยกว่าเว็บไซต์ที่อยู่ด้านล่าง หรืออยู่หน้าถัดไป โดยปกติแล้วเป้าหมายการทำ SEO นั้นอยู่หลายที่ เช่น Image Search, Video Search แต่ที่เราใช้มากที่สุดคือ Web Search นั่นเอง พูดง่ายๆ ก็คือ SEO คือการทำสงครามระหว่าง WebMaster ทั้งหลาย เพื่อช่วงชิงตำแหน่งสูงๆ ของผลลัพธ์ในการค้นหาจาก Search Engine ชื่อดังต่างๆ โดยมี Keyword เป็น อาวุธนั่นเอง

การที่จะทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นเป็นผลลัพธ์แรกๆ ในการค้นหาจาก Search Engine นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราต้องอาศัยความพยายาม โดยหลักการทั่วๆ ไปดังนี้
  1. เลือก Domain Name ที่เกี่ยวกับเนื้อหาของเว็บไซต์ ตัวอย่างของเว็บไซต์ที่เลือก Domain Name ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาคือ GameSpot.com ซึ่งตัวเว็บไซต์ ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Game
  2. การอัพเดทเนื้อหาที่สม่ำเสมอ การอัพเดทเว็บไซต์บ่อยๆ จะทำให้ Search Engine ได้รับข้อมูลใหม่ของเว็บไซต์เราบ่อยๆ โดยปกติแล้ว Search Engine จะชอบเว็บไซต์ ที่มีการเพิ่มเนื้อหาสม่ำเสมอ มากกว่าเว็บไซต์ที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง
  3. แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน ย้ำนะครับว่าเนื้อหาต้องเกี่ยวข้องกัน ไม่เช่นนั้น Search Engine จะมองว่าเว็บไซต์ที่เราลิงค์ไปนั้นไม่มีคุณภาพ หรือไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ในเว็บไซต์ที่มัน indexed อยู่ สิ่งนี้จะทำให้เราเว็บไซต์ของเรามีค่าลดลงในสายตาของ Search Engine
  4. อย่ามีแค่เนื้อหา ถ้าคุณมีเวลา คุณสามารถอัพโหลดรูปภาพประกอบเนื้อหาเข้าไปด้วยจะดีมาก เพราะคนที่เข้าชมเว็บไซต์เห็นตัวหนังสือเยอะๆ จะเริ่มเอียน มีรูปภาพบ้างประปราย คนอ่านจะได้พักสายตาบ้าง แถมเว็บไซต์ของคุณอาจจะมีโอกาสไปปรากฏในผลลัพธ์การค้นหารูปภาพของ Search Engine อีกด้วย สองเด้งเลยทีนี้ แน่นอนรวมถึงการอัพไฟล์วีดีโอด้วย ถ้าทำครบได้ก็ดีเลยครับ
  5. ออกแบบเว็บไซต์ให้น่าใช้ เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญนะครับคุณลองดูอย่างเว็บไซต์ wikipedia นะครับ เค้าไม่ได้ออกแบบให้หรูหราอะไรเลย ใช้สีอยู่ไม่กี่สี รูปภาพไม่กี่รูป แต่น่าอ่าน คนใช้แล้วอยาก ใช้อีก บางเว็บนะครับ (ไม่ขอเอ่ยชื่อเว็บ) ใช้สีเยอะแยะรูปเยอะไปหมด เปลี่ยนรูปตัวชี้เมาส์เราอีกตะหาก เว็บเหล่านี้แหละครับที่จะไม่ค่อยกลับมาใช้อีกเพราะว่ามันใช้ลำบากครับ

ความแตกต่าง Google+ กับ Google+1


  เนื่องจากกระแสความแรงของ Google ที่มีมาอย่างมากมาย รวมถึงการเปิดตัวบริการใหม่ๆ ของ Google ในแต่ละวันทำให้เราให้ความสนใจกับข่าวของ Google เป็นจำนวนมาก จนบางครั้ง ก็แอบเบื่อไปเลยเหมือนกันแต่กระแสของ Googleที่มาแรงสุดๆ ในเวลานี้ คงไม่เกิน Google+ ที่ออกมาสู้ศึกกับ Facebook อย่างแท้จริงทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ Google เพิ่งออกบริการใหม่ ที่ชื่อว่า Google+1 ทำให้หลายคนเกิดความสับสนกันว่า จริงๆแล้ว Google+ กับ Google+1 นั้นแตกต่างกันอย่างไร 
     ถึงแม้ว่าชื่อ Google+ (กูเกิลพลัส) กับ Google+1 (กูเกิลพลัสวัน) นั้นแตกต่างกันเพียงเลข 1 แค่ตัวเดียว แต่ทั้ง 2 ตัวนั้นไม่เหมือนกันเลย ถ้าจะคล้ายคงเป็นเพราะ  Google ทำบริการ 2 ตัวนี้ขึ้นมาเพื่อกลบรัศมี Facebookและตีตลาดด้าน Social Media มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งจะขออธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆ ก่อนว่าเจ้า Google+1 นั้น มีลักษณะเหมือนกับปุ่ม Like ใน Facebook เพียงแต่แตกต่างกันที่ปุ่ม Google+1 นี้ สามารถนำไปติดในเว็บไซต์ของเราได้ทุกที่ แต่ปุ่ม Like นั้นจะมีขึ้นให้กดใน Facebook เท่านั้น

     ด้วย Feature ที่มีมากมายของ Facebbok ที่ไม่ใช่มีแค่ปุ่ม Like เท่านั้นที่เป็นจุดแข็ง แต่ Facebook มาพร้อมกับการ Update Feature รายสัปดาห์ ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง Google จะออกมาแค่ปุ่ม Like หรือ Google+1 ไม่เพียงพอแน่ Google จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาที่เรียกว่า Google+ โดย Google+ นี้พยายามทำให้ Google+ เป็น Social Media Platform อย่างเช่น HI5, Facebook หรือ Friendster โดย Google+ นี้ประกอบไปด้วย Circle (แวดวง),Stream (แหล่งข้อมูล), Sparks (ประกายความสนใจ),Hangout (ปาร์ตี้เห็นหน้า),Huddle (แชตกันสนั่นเมือง) ฯลฯ

     โดยแต่ละ Feature ที่ทำขึ้นมาใหม่นี้ ได้ออกแบบมาเพื่อลบจุดด้อยของ Facebook ที่มีปัญหา รวมถึงปัญหาเดิมของทาง Google เอง ที่เปิดให้คนใช้บริการ Search Engine ได้ฟรี แต่ไม่สามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนได้ว่า ใครเข้ามาค้นหา Keyword คำนี้ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และอายุเท่าไร ภายหลังบริการใหม่ๆ ของ Google นั้น จำเป็นต้องมี Log-in ด้วย Google Account ก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ ที่เป็นเช่นนี้ เพื่อให้การนำข้อมูลต่างๆ
ไปใช้ในทางการตลาดต่อไป รวมถึงการที่ผู้ต้องการลงโฆษณาใน Google Adwords ก็จะสามารถใช้งานได้มากขึ้นด้วย ส่วนรายละเอียดของ Google+ เป็นอย่างไร ทำอะไรได้บ้างนั้น ก็สามารถหาอ่านได้เพิ่มเติมจากนิตยสาร e-Commerce ด้วยค่ะ

     เมื่อเราได้เข้าใจถึงความต่างของ 2 บริการนี้ได้แล้ว คราวนี้ก็มาดูว่า เมื่อเรานำไปใช้งาน จะช่วยก่อให้เกิดประโยชน์จาก Google+ และ Google+1 ได้อย่างไร

     เมื่ออ่านข้อดีของการใช้ประโยชน์ในแง่ธุรกิจแล้ว หลายๆท่านคงอยากลองนำมันมาใช้กับธุรกิจของตัวเองแล้วใช่ไหมค่ะ สำหรับ Google+ นั้น ก็ง่ายมากคือ สมัคร Google Account(ซึ่งเริ่มต้นจากการสมัคร Gmail) ด้วยชื่อ-นามสกุลจริง เพื่อง่ายต่อการสมัครผ่าน แล้วเริ่มเข้าไปทดลองเล่นใน Feature ต่างๆ ของ Google+ ที่มีอยู่มากมาย ส่วนของ Google+1 นั้น สามารถเข้าไปได้ที่ www.google.com/webmasters/+1/button/index.html แล้ว Copy Code ไปติดตั้งที่เว็บไซต์ของเราได้ทันที
     จากที่กล่าวถึงความแตกต่างของ Google และ Google+1 ทั้งหมดนั้น จริงๆแล้ว Google+1 ถือเป็น Subset หรือเป็นส่วนหนึ่งใน Project ของ Google+ นั่นเอง เพียงแต่แยกออกมาให้ Webmaster สามารถใช้งานได้สะดวกขึ้น แม้จะไม่ได้อยู่ในกลุ่ม Google+ เลยก็ตาม

     แต่ Google+ ไม่ได้มี Google+1 ใน Project นี้เท่านั้น ยังมี Google-14 (กูเกิลไมนัสวัน) สำหรับคนที่ใช้งาน Google+ เพื่อแสดงความชอบ หรือไม่พอใจต่อสิ่งๆ นั้นได้อีกด้วย และแน่นอนว่า เราคงไม่ต้องการ Google-1 ให้อยู่ในเว็บไซน์ของเราแน่นอน จริงไหม?
GoogleGoogle+1
การใช้งานการใช้งาน
1. ได้เพื่อนเพิ่ม หาเพื่อนใหม่ได้ง่ายในเรื่องของการทำธุรกิจ
    หรือคุยเล่น
 
1. ช่วยเพิ่มอันดับให้เว็บไซต์ติดอันดับในผลการค้นหาที่ดีขึ้น

 
2. มีข่าวสารใหม่ๆ ให้เราได้อัพเดตกันตลอดเวลา
    เพราะข้อมูล  ทุกอย่างลอยอยู่ใน Cloud
 
2. ช่วยให้เราได้พัฒนาเนื้อหาหรือบทความภายในเว็บไซต์ให้ได้ตรงใจคนเข้าเยี่ยมชมได้ง่ายมากขึ้น
 
3. สามารถติดต่อสื่อสารในทางธุรกิจกับคนที่อยู่ใน Circle ที่เราตั้งไว้ได้ เช่น กลุ่มลูกค้า หรือกลุ่มเพื่อนด้วยการแชต
 
3. สามารถนำข้อมูลการ +1 มาใช้วิเคราะห์กลุ่มลูกค้าและเป้าหมายได้

 
4. กระจายข่าวสารโปรโมชั่น ให้กลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจน
 
4. ทำให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกถึงการที่เว็บฯ ที่มีความทันสมัย
 
5. ค้นหาข้อมูลการโพสต์เก่าๆ ได้ง่าย
 
5. แสดงความนิยมในผลการค้นหาว่ามีใครที่เราเป็นเพื่อนอยู่ ได้ให้ความสนใจกับเว็บฯ ของเราบ้าง
6. ทุกข้อความที่เราโพสต์บน Google+ จะติดอันดับใน ผลการค้นหาของ Google ง่ายและเร็วขึ้น แม้เราไม่ได้อยู่ใน Google แต่ก็สามารถค้นหาข้อความนั้นเจอในผล การค้นหาของ Google+
6. ช่วยให้ GoogleBot วิ่งเข้ามาเก็บข้อมูลของเราบ่อยมากขึ้น


 


credit http://shop.bigshopping.com

“Google+ Pages”


ออกแล้ว “Google+ Pages” แฟนเพจของแบรนด์ในกูเกิลพลัส 

สิ่งที่ทำให้เฟซบุกประสบความเร็จจนมีจำนวนผู้ใช้กว่า 800 ล้านรายในปัจจุบัน สาเหตุหนึ่งก็ต้องขอบคุณแบรนด์ต่างๆ ที่ขยันมาเปิดแฟนเพจ อัปเดทข่าว ทำกิจกรรมแจกของเล็กตั้งแต่ปากกา ไปจนถึงของใหญ่อย่างรถทั้งคัน!

ล่าสุดกูเกิล ที่ปล่อยข่าวว่า “กูเกิล พลัส” ก็จะมีบริการแฟนเพจเหมือนกัน วันนี้เป็นความจริงแล้ว ใครก็สามารถมีแฟนเพจบนกูเกิลพลัสได้ด้วยบริการ Google+ Pages
 

 

 

 

นอกเหนือจากวิธีการสร้างที่สุดง่ายแค่มีบัญชีกูเกิลแล้ว ทุกหน้าเพจที่สร้างจะสามารถค้นเจอจากกูเกิลได้ (ไม่ต้องเสียเวลามาทำ SEO) เวลาจะค้นก็แค่พิมพ์ +marketingoops ในช่องค้นหา

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. marketing online - All Rights Reserved
Template Modify by Creating Website
Proudly powered by Blogger